เว็บตรงสล็อต อันดับ1
บาคาร่า

mpkwin

บาคาร่า

บาคาร่า

ผลบอลสด

เว็บตรงออนไลน์

บาคาร่า168 w88 ทางเข้า รับติดป้ายโฆษณา รับติดป้ายโฆษณา รับติดป้ายโฆษณา ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม

รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก ไนโตรเจนเหลว รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก รับรีโนเวท รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก

ดาฟาเบท

Sbobet888 ทางเข้า Sbobet

บาคาร่า

บาคาร่า

คาสิโนออนไลน์

mpk

nexobet

usun

jokerfun88

fullhouse88

สล็อตเว็บตรง

mpkwin24h

betflik สล็อตเว็บตรง

สล็อตออนไลน์

เว็บตรงสล็อต อันดับ1

บาคาร่าเว็บครง

บาคาร่า888

9slot

บาคาร่า888

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - luktan1479

หน้า: [1] 2 3 ... 376
1
www.facebook.com/aircoolresin
น้ำยาดับกลิ่นเรซิ่น เรซิ่น กำจัดกลิ่น เรซิ่นไร้กลิ่น

2
ติดต่อคุณเป้ง โทร & Line ID.087-347-6299

รับทำบัญชีนนทบุรี  รับทำบัญชีบางกรวย  รับทำบัญชีบางใหญ่  รับทำบัญชีบางบัวทอง  รับทำบัญชีไทรน้อย รับทำบัญชีบริษัทจำกัด  รับทำบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด  รับทำบัญชีและยื่นภาษี  สำนักงานบัญชี  รับงานบัญชี

3
Balance Ucore (U Core) ฟื้นฟูสุขภาพได้สบายๆ หายใจโล่งสบายได้ทุกวันเลยค่ะเราจัดสมุนไพรธรรมชาตอ ตัวท็อป! ให้ถึง 13 ชนิด
มีถั่งเช่า ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงสุขภาพ
ต้านสารก่อภูมิแพ้และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ได้
ช่วยบำรุงปอด ลดการหายใจติดขัด เหนื่อยง่ายได้สบาย
ง่ายๆ แค่วันละเม็ดก่อนนอน เท่านั้นเองUcore (SOFT GEL DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT)
เลขที่ อย. 13-1-07458-5-0233
ขนาดบรรจุ 30 แคปซูล
ปกติ 1,290 บาท
ราคาพิเศษเพียง 990 บาท
โปรโมชั่นพิเศษ!
2กระปุก แถม1 กระปุก
ส่งฟรีเคอรี่ มีบริการเก็บเงินปลายทาง
*ของแท้จากบริษัทโดยตรง*รายละเอียดเพิ่มเติม Ucore

4
ครัวบ้านยาย วัดถ้ำสนุก บ้านนา ชุมพร อาหารตามสั่งและเครื่องดื่มชา-กาแฟ-กาแฟสด  โทร/ไลน์ 0867348650

5
ทริสฯ จัดอันดับเครดิตองค์กร ITEL ที่ 'BBB' แนวโน้ม 'Stable'
 
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) ที่ระดับ 'BBB' ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่'

ทั้งนี้ อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทเกิดจากองค์ประกอบระหว่างอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile ? SACP) ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ'bbb' และสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยหลัก (Core Subsidiary) ของ บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) ตาม 'เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ' (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง

โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในการให้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง ตลอดจนผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ และฐานรายได้ประจำของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนและความผันผวนของธุรกิจโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Project) และการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมด้วยเช่นกัน

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในการให้บริการสื่อสารข้อมูลผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายหลักในธุรกิจวงจรสื่อสารและการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสงในประเทศไทย โดยความได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัทมาจากการมีโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่ครอบคลุมกว้างขวาง รวมถึงคุณภาพของเครือข่ายและการให้บริการที่ดี คณะผู้บริหารและวิศวกรที่มีประสบการณ์ และการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า บริษัทติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสงซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักตลอดแนวเส้นทางรถไฟและทางหลวงทั่วประเทศไทย และให้บริการเชื่อมต่อวงจรสื่อสารคุณภาพสูงแก่ลูกค้าด้วย ซึ่งจุดแข็งดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและเข้าร่วมในโครงการโทรคมนาคมของภาครัฐที่เกี่ยวเนื่องกับสายใยแก้วนำแสงหลากหลายโครงการ
ขยายฐานรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง รายได้จากธุรกิจให้บริการโครงข่ายวงจรสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง (Data Service Business) และจากธุรกิจการให้บริการพื้นที่ศูนย์ข้อมูล (Data Center Business) ถือเป็นแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่สำคัญของบริษัท โดยรายได้จากธุรกิจทั้ง 2 ประเภทนี้คิดเป็นสัดส่วนรวม 55% ของรายได้รวมของบริษัท ทั้งนี้ รายได้ประจำของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวมาอยู่ที่ระดับ 1.4 พันล้านบาทในปี 2564 จากระดับ 600 ล้านบาทในปี 2560 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ประจำของบริษัทจะเติบโตต่อไปเนื่องจากบริษัทมีจุดแข็งที่สำคัญคือโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่ครอบคลุมกว้างขวางและคุณภาพการให้บริการที่ดีซึ่งจะช่วยให้บริษัทเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้มากยิ่งขึ้นและสามารถชนะประมูลโครงการใหม่ ๆ
บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีและสามารถคงสถานะทางการแข่งขันในตลาดให้บริการผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสงมาได้ ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจ Data Service ในช่วงปี 2559-2564 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ระดับประมาณ 27% การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ได้ทำให้บริษัทเอกชนและหน่วยงานภาครัฐหันมาให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีรวมถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบการสื่อสารและขั้นตอนการทำงาน ซึ่งส่งผลให้มีอุปสงค์ในการใช้บริการสื่อสารข้อมูลเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2564 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจ Data Service ที่ระดับ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2563 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล

ในขณะที่รายได้จากธุรกิจ Data Center นั้นค่อนข้างคงที่โดยอยู่ที่ระดับ 85-95 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากลักษณะของสัญญาของลูกค้าส่วนมากที่เป็นสัญญาระยะยาว

รายได้โครงการมาจากโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ บริษัทได้ดำเนินธุรกิจให้บริการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม (Installation Business) ขนาดใหญ่โดยใช้ความเชี่ยวชาญในการให้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลรวมทั้งการติดตั้งและซ่อมบำรุงสายเคเบิลใยแก้วนำแสงที่บริษัทมีมาพัฒนาต่อยอด โดยธุรกิจ Installation นั้นครอบคลุมทั้งการติดตั้งโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสง การให้บริการซ่อมบำรุง และโครงการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology -- IT) เนื่องจากธุรกิจ Installation ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นลักษณะโครงการที่รายได้เกิดขึ้นตามความสำเร็จของโครงการ ดังนั้น รายได้จากธุรกิจนี้จึงมีความผันผวนสูงกว่ารายได้จากธุรกิจ Data Service และธุรกิจ Data Center โดยในปี 2564 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจ Installation อยู่ที่ระดับ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 800 ล้านบาทในปี 2563 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 44% ของรายได้รวมของบริษัท
ธุรกิจ Installation นั้นขึ้นอยู่กับโครงการภาครัฐซึ่งเกี่ยวข้องกับงบประมาณด้าน IT และการประมูลงานของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ โครงการ IT เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเกิดความล่าช้าในการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ หลายประการ โดยการดำเนินงานมักประสบกับปัญหาต่าง ๆ เช่น ความล่าช้าในการก่อสร้างหรือในขั้นตอนการชำระเงินและบางครั้งก็ขาดความต่อเนื่องของงบประมาณด้าน IT ของหน่วยงานภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่ารัฐบาลไทยยังคงมีความพยายามที่จะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ของประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไป เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทได้ขยายงานสู่โครงการใหม่ ๆ ที่สร้างการเติบโตของรายได้ เช่น โครงการอากาศยานไร้คนขับ (Drone) และโครงการอุปกรณ์ต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (Anti Drone) รวมถึงโครงการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด และโครงการเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์และข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงจำนวนโครงการที่มีอยู่ในแผนและการขยายเข้าสู่โครงการใหม่ ๆ แล้ว ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับรายได้จากธุรกิจ Installation เอาไว้ได้

มูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบช่วยสนับสนุนรายได้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมีสัญญางานที่อยู่ระหว่างการพัฒนาที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) มูลค่ารวมเกือบ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ประมาณ 70% เป็นงานในธุรกิจ Data Service และธุรกิจ Data Center ส่วนที่เหลือเป็นงานในธุรกิจ Installation และโครงการโทรคมนาคมอื่น ๆ โดยมูลค่างานในมือประมาณ 2 พันล้านบาทคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565 และอีกประมาณ 1.5 พันล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ในระหว่างปี 2566-2568 ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าสัญญาให้บริการที่กำลังจะหมดอายุในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าจะได้รับการต่อสัญญาต่อไป นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะเข้าประมูลงานโครงการภาครัฐเพิ่มเติมซึ่งจะทำให้บริษัทมี Backlog เพิ่มมากยิ่งขึ้นและจะช่วยสนับสนุนรายได้ในอนาคต
ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 2.9-3.2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2567 เมื่อพิจารณาจากอุปสงค์การเข้าถึงการเชื่อมต่อข้อมูลและอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนฐานลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โครงการพัฒนาระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่อยู่ในแผนดำเนินการ และโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

ขยายสู่ธุรกิจออกแบบและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อไม่นานมานี้บริษัทได้ประกาศแผนในการขยายเข้าสู่ธุรกิจออกแบบและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ (IT Solutions) ผ่านการซื้อกิจการของ บริษัท เวทเธอเรีย อี จำกัด ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 51% ใน บริษัท บลู โซลูชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทจะจ่ายชำระการทำธุรกรรมมูลค่ารวม 153 ล้านบาทดังกล่าวด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ของบริษัท
บริษัทบลู โซลูชั่น ประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ระบบ IT และให้บริการแบบครบวงจรซึ่งรวมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจ โดยบริษัทมีรายได้ที่ระดับ 181 ล้านบาทในปี 2563 ทริสเรทติ้งคาดว่าการควบรวมกิจการในครั้งนี้จะทำให้เกิดการผสานพลังทางธุรกิจจากการประหยัดต้นทุนและการเพิ่มฐานรายได้เมื่อบริษัททำการควบรวมกิจการแล้วเสร็จและประสบความสำเร็จในการผสานธุรกิจภายหลังจากการควบรวม

มีความสามารถในการทำกำไรที่ดี การที่บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีนั้นเกิดจากการมีฐานรายได้ประจำที่เพิ่มสูงขึ้นและการควบคุมต้นทุนที่รอบคอบ ทั้งนี้ เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ดังนั้น รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยทำให้อัตรากำไรปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 40%-46% ในช่วงปี 2563-2564 จากระดับ 31%-37% ในอดีต
นอกจากนี้ บริษัทยังมีอัตรากำไรที่ดีในสายธุรกิจหลักแต่ละประเภทอีกด้วย โดย EBITDA Margin ในธุรกิจ Data Service อยู่ที่ระดับ 50%-60% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ในธุรกิจ Data Center นั้นอยู่ที่ระดับ 50%-55% ส่วนธุรกิจ Installation นั้น บริษัทรักษาอัตรากำไรได้ที่ระดับประมาณ 15%-20%

ในช่วง 3 ปีข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ประจำรวมถึงความพยายามในการปรับปรุงการใช้สินทรัพย์ของบริษัทจะสามารถรองรับต้นทุนการดำเนินงานคงที่ที่อยู่ในระดับสูงได้และจะช่วยทำให้อัตรากำไรมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะบริหารจัดการต้นทุนของธุรกิจใหม่อย่างระมัดระวังโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรโดยรวม โดยในช่วงปี 2565-2567 ทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA Margin ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 35%-40% อีกทั้งยังคาดว่าอัตรากำไรจากโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จที่บริษัทได้งานเข้ามาใหม่จะอยู่ที่ระดับประมาณ 15%-20% ในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย

ภาระหนี้จะค่อย ๆ ลดลง บริษัทมีกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้และภาระหนี้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในมุมมองของทริสเรทติ้ง โดยในปี 2564 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA อยู่ที่ระดับ 4.6 เท่า รวมทั้งมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับ 16.3% และมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับ 62%
ในช่วง 3 ปีข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าระดับภาระหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะค่อย ๆ ลดลง เนื่องจากบริษัทได้มีการติดตั้งโครงข่ายหลักครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว ดังนั้น เงินลงทุนในอนาคตของบริษัทจึงเป็นไปเพื่อการเชื่อมต่อโครงข่ายไปยังลูกค้าปลายทางเป็นหลัก โดยทริสเรทติ้งคาดว่าเงินลงทุนโดยรวมของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาทในช่วงปี 2565-2567 และเมื่อพิจารณาจากกระแสเงินสดที่เติบโตขึ้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นเงินลงทุนในบางส่วน โดยทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 1-1.2 พันล้านบาทต่อปีในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วต่อ EBITDA ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 4.2 เท่าในปี 2565 และจะลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 3.5 เท่าในช่วงระหว่างปี 2566-2567 ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะอยู่ในช่วง 17%-23% ในระหว่างปี 2565-2567

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ชุดใหม่คือ ITEL-W3 และได้สำรองหุ้นใหม่ไว้สำหรับการใช้สิทธิในใบสำคัญแสดงสิทธิ ดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิ ITEL-W3 จะหมดอายุในเดือนเมษายน 2566 ซึ่งหากผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิมีการใช้สิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนก็จะช่วยทำให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะใช้เงินที่ได้รับจากการใช้สิทธินี้ไปชำระหนี้ที่มีอยู่และใช้สนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท

ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีหนี้สินรวมทั้งสิ้นที่ระดับ 4 พันล้านบาท ซึ่งประมาณ 1.75 พันล้านบาทเป็นหนี้เงินกู้โครงการซึ่งมีการโอนสิทธิ์รับเงินไปที่เจ้าหนี้โครงการ (Project loans) และหนี้ที่มีหลักประกัน เนื่องจากบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่มีสิทธิ์ได้รับชำระก่อน (Priority Debt) ต่อหนี้ทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ระดับ 44% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50% ตามที่กำหนดไว้ใน 'เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้' ของทริสเรทติ้ง ในการนี้ ทริสเรทติ้งจึงเห็นว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่มีความเสียเปรียบอย่างมีนัยสำคัญในการเรียกร้องค่าทดแทนจากสินทรัพย์ของบริษัท

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทมีแหล่งเงินทุนซึ่งประกอบไปด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 275 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2564 รวมถึงวงเงินกู้จากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกเกือบ 1 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอีกประมาณ 750-800 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่าจะได้รับเงินสดจำนวนประมาณ 750 ล้านบาทจากการขายสินทรัพย์ Data Center เข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust ? REIT) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 นี้อีกด้วย
บริษัทจะใช้เงินทุนสำหรับการลงทุนที่จำนวน 300-400 ล้านบาทต่อปีและจะใช้สำหรับชำระหนี้สินทางการเงินที่จะครบกำหนด โดย ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีภาระหนี้ระยะสั้นมูลค่า 2.25 พันล้านบาทซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้เงินกู้โครงการที่จะต้องชำระคืนสถาบันการเงินเมื่อโครงการแล้วเสร็จ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงความสามารถของบริษัทในการดำเนินโครงการและสถานะเครดิตของเจ้าของโครงการแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะได้วงเงินกู้ใหม่เพื่อทดแทนวงเงินกู้ระยะสั้นเดิมได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน บริษัทยังมีหนี้ระยะยาวที่จะครบกำหนดในปี 2565 อีกจำนวนประมาณ 524 ล้านบาทอีกด้วย

ข้อกำหนดทางการเงินที่บริษัทมีกับธนาคารระบุให้บริษัทต้องคงระดับอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนทุนไม่ให้เกิน 2.5 เท่าและอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (Debt Service Coverage Ratio ? DSCR) มากกว่า 1.2 เท่า ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 1.36 เท่าและ 1.53 เท่าตามลำดับ ในการนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังคงสามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขของข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวตลอดช่วงเวลาประมาณการได้

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

รายได้จะอยู่ในช่วง 2.9-3.2 พันล้านบาทต่อปีในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
EBITDA Margin จะอยู่ที่ระดับ 35%-37% ในระหว่างปี 2565-2567
เงินลงทุนโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า
แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันและมีผลการดำเนินงานที่ดีในธุรกิจ Data Service รวมทั้งยังจะได้รับสัญญาโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จใหม่ ๆ สำหรับธุรกิจ Installation อีกทั้งยังคาดว่าผลการดำเนินงานและระดับการก่อหนี้ของบริษัทจะยังคงสอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้งอีกด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงาน ตลอดจนกระแสเงินสด และสถานะทางการเงินของบริษัทและกลุ่ม ILINK ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทและของกลุ่มถดถอยลงอย่างมาก ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเช่นกันในกรณีที่สถานะทางการเงินของ ILINK หรือสถานะของบริษัทที่มีต่อกลุ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ

6
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์  :  0-2174-6466
สายด่วน  :​ 084-044-9384

7
UAC พบนักลงทุนงานโชว์ศักยภาพการลงทุนด้าน Circular Economy ในงาน Opportunity Day

นางสาวอลิสา ชีวะเกตุ (ซ้าย) Corporate Image & Treasury Manager พร้อมด้วยนางสาวสัจจาภรณ์ รัมยประยูร(ขวา) Vice President investor Relations & Corporate Secretary บมจ. ยูเอซี โกล. (UAC) ร่วมนำเสนอข้อมูลบริษัทฯ ภายในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) หลังประกาศผลการดำเนินงานงวดปี 2664 รายได้รวมแตะ 1,466.26 ล้านบาท กำไรส่วนที่เป็นของบริษัท 246.81 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลอีกในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 นี้ พร้อมประกาศเดินหน้ายุทธ์ศาสตร์ Circular Economy ควบคู่ไปกับการสร้าง Sustainable Development ให้กับองค์กร ปั้นธุรกิจโรงไฟฟ้าชุมชน-แหล่งปิโตรเลียม- EV Charging Station หวังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลการดำเนินงาน โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ แตะ 2,000 ล้านบาท และ EBITDA มากกว่า 420 ล้านบาท ณ สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็วๆนี้

9
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 24 มี.ค. 2565

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบชะลอตัวลง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,707.94 จุด เพิ่มขึ้น 349.44 จุด หรือ +1.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,520.16 จุด เพิ่มขึ้น 63.92 จุด หรือ +1.43% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,191.84 จุด เพิ่มขึ้น 269.23 จุด หรือ +1.93%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับสงครามในยูเครนที่ล่วงเข้าสู่เดือนที่ 2 แล้ว ขณะที่ชาติตะวันตกได้ตกลงกันที่จะเพิ่มการช่วยเหลือยูเครน และขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในการประชุมสุดยอดนัดพิเศษของนาโต

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 453.07 จุด ลดลง 0.96 จุด หรือ -0.21%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,555.77 จุด ลดลง 25.66 จุด หรือ -0.39%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,273.79 จุด ลดลง 9.86 จุด หรือ -0.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,467.38 จุด เพิ่มขึ้น 6.75 จุด หรือ +0.09%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวขึ้น แม้นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และผลกระทบจากสงครามในยูเครนก็ตาม

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,467.38 จุด เพิ่มขึ้น 6.75 จุด หรือ +0.09%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) หลังมีรายงานว่าสหภาพยุโรป (EU) ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า การส่งออกน้ำมันจากบริษัท แคสเปียน ไปป์ไลน์ คอนซอร์เทียม (CPC) ในคาซัคสถาน อาจจะเริ่มกลับมาดำเนินการได้บางส่วนในไม่ช้านี้

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 2.59 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 112.34 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 2.57 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 119.03 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และผลกระทบของการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 24.9 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 1,962.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 73.1 เซนต์ หรือ 2.9% ปิดที่ 25.92 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 10.2 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,031.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 11.30 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 2530.60 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) ขานรับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.17% แตะที่ 98.7890 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 122.25 เยน จากระดับ 121.12 เยน แต่ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9303 ฟรังก์ จากระดับ 0.9307 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2548 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2561 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1004 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1013 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3182 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3208 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7513 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7508 ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 34,707.94 จุด เพิ่มขึ้น 349.44 จุด, +1.02%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,520.16 จุด เพิ่มขึ้น 63.92 จุด, +1.43%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,191.84 จุด เพิ่มขึ้น 269.23 จุด, +1.93%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,467.38 จุด เพิ่มขึ้น 6.75 จุด, +0.09%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,555.77 จุด ลดลง 25.66 จุด, -0.39%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,273.79 จุด ลดลง 9.86 จุด, -0.07%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 57,595.68 จุด ลดลง 89.14 จุด, -0.15%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 7,049.69 จุด เพิ่มขึ้น 53.57 จุด, +0.77%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,598.97 จุด เพิ่มขึ้น 1.09 จุด, +0.07%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,082.61 จุด เพิ่มขึ้น 73.18 จุด, +1.04%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,399.70 จุด เพิ่มขึ้น 35.44 จุด, +1.05%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,945.95 จุด ลดลง 208.13 จุด, -0.94%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,250.26 จุด ลดลง 20.77 จุด, -0.63%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,699.06 จุด ลดลง 32.31 จุด, -0.18%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,729.66 จุด ลดลง 5.39 จุด, -0.20%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 28,110.39 จุด เพิ่มขึ้น 70.23 จุด, +0.25%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,387.10 จุด เพิ่มขึ้น 9.20 จุด, +0.12%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,669.00 จุด เพิ่มขึ้น 4.00 จุด, +0.05%

10
เครื่องวัดมวลกล้ามเนื้อ รหัส GS7.0 หรือ เครื่องวัดมวลร่างกาย อุปกรณ์วิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกายมนุษย์ใช้การวัดที่แม่นยำของตัวควบคุมไมโครคอมพิวเตอร์ AVR(Automatic Voltage Regulator) โดยใช้วิธีสถิติใหม่ DXA วิเคราะห์องค์ประกอบของมนุษย์: BMI น้ำหนักไขมัน (ดัชนีมวลกาย) ตัวบ่งชี้สุขภาพที่ไม่ใช่ไขมัน เครื่อวัดมวลกล้ามเนื้อร่างกาย ผ่านการวิเคราะห์อิมพีแดนซ์ทางชีวภาพแบบหลายความถี่ ละลาย (MFBIA) ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพของร่ายกายของมนุษย์

สนใจสอบถามข้อมูล ทางนี้เลย
Facebook : CCT Fitness นำเข้าเครื่องออกกำลังกาย
Tel: 089-750-7380
สนใจชมตัวอย่างสินค้า >> https://goo.gl/maps/RBNaNTLmk8LD3T2A8 

12
'ตาชำนิ หรือ CEYE' ชวนนักลงทุนร่วมรับฟัง IPO Roadshow 31 มีนาคมนี้ ชูหนึ่งในผู้นำครีเอทีฟ-คอนเทนต์โฆษณา มาตรฐานระดับ International Standard

นับเป็นการเดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมครีเอทีฟคอนเทนต์โฆษณา เมื่อเห็นชื่อบิ๊กเนมอย่างบริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE กางแผนเติบโตในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการโปรดักชั่นโฆษณา ที่ได้รับการยอมรับมาตรฐานระดับ International Standard เดินหน้าเข้ามาระดมทุน เสนอขาย IPO 70 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

งานนี้ เปิดเวทีให้ นางสาวสุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ นายยุทธนา โรจนวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน มานำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โชว์วิสัยทัศน์การเติบโตในธุรกิจบริการผลิตภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณา รวมทั้ง ครอบคลุมบริการตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์ บริการให้เช่าสตูดิโอ พ่วงด้วยออนไลน์มีเดียที่กำลังมาแรง และพร้อมบุกตลาด CLMV เดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ผู้นำด้านครีเอทีฟคอนเทนต์โฆษณา แบบ One stop services creative and production solution รับเทรนด์โฆษณายุคใหม่ การันตีด้วยความเชื่อมั่นกว่า 30 ปี โดยมี นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ร่วมให้ข้อมูลในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน

หน้า: [1] 2 3 ... 376
อุปกรณ์ออกบูธ